ทดสอบการได้ยิน

การทดสอบการได้ยินสามารถทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

0 Comments

การทดสอบการได้ยินเป็นการตรวจเพื่อวัดความสามารถในการได้ยินของบุคคล การทดสอบการได้ยินสามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อตรวจหาความผิดปกติของการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ และรับการรักษาที่เหมาะสม

การทดสอบการได้ยินในเด็กแรกเกิด 

การทดสอบการได้ยินในเด็กแรกเกิดเป็นการตรวจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเด็กแรกเกิดไม่สามารถแสดงอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาการได้ยินได้ การทดสอบการได้ยินในเด็กแรกเกิดมักทำโดยใช้เครื่องตรวจการได้ยินแบบอัตโนมัติที่เรียกว่า Otoacoustic emissions (OAE) ซึ่งสามารถตรวจวัดการตอบสนองของเซลล์ขนภายในหูชั้นในต่อการกระตุ้นด้วยเสียง

การทดสอบการได้ยินในเด็กแรกเกิดมักทำภายใน 1 เดือนแรกหลังคลอด โดยปัจจุบันประเทศไทยมีนโยบายให้ทุกทารกแรกเกิดได้รับการตรวจการได้ยินภายใน 72 ชั่วโมงหลังคลอด หากผลการทดสอบพบว่าเด็กมีความบกพร่องทางการได้ยิน จะได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสารของเด็ก

การทดสอบการได้ยินในเด็กโตและผู้ใหญ่

การทดสอบการได้ยินในเด็กโตและผู้ใหญ่สามารถทำได้โดยใช้เครื่องตรวจการได้ยินแบบต่างๆ เช่น

  • เครื่องตรวจการได้ยินแบบออดิโอเมตร (Audiometer) : เครื่องตรวจการได้ยินแบบออดิโอเมตรเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ตรวจวัดการได้ยิน โดยเครื่องตรวจการได้ยินแบบออดิโอเมตรจะส่งเสียงที่มีความถี่และระดับเสียงแตกต่างกันไปยังหูของผู้ป่วย และผู้ป่วยจะต้องตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน
  • เครื่องตรวจการได้ยินแบบ immittance meter : เครื่องตรวจการได้ยินแบบ immittance meter ใช้ตรวจวัดการทำงานของหูชั้นกลาง โดยเครื่องตรวจการได้ยินแบบ immittance meter จะส่งเสียงที่มีความถี่และระดับเสียงแตกต่างกันไปยังหูของผู้ป่วย และวัดการตอบสนองของหูชั้นกลางต่อเสียง
  • เครื่องตรวจการได้ยินแบบ otoacoustic emissions (OAE) : เครื่องตรวจการได้ยินแบบ OAE เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจวัดการตอบสนองของเซลล์ขนภายในหูชั้นในต่อการกระตุ้นด้วยเสียง

การทดสอบการได้ยินในเด็กโตและผู้ใหญ่มักทำโดยแพทย์หรือนักตรวจการได้ยิน โดยแพทย์หรือนักตรวจการได้ยินจะเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

ประโยชน์ของการทดสอบการได้ยิน

การทดสอบการได้ยินมีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • ช่วยให้สามารถตรวจหาความผิดปกติของการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ
  • ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสารของเด็ก
  • ช่วยให้สามารถรักษาอาการหูไม่ได้ยินได้อย่างเหมาะสม
  • ช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากอาการหูไม่ได้ยิน เช่น ปัญหาในการติดต่อสื่อสาร ปัญหาในการเรียน ปัญหาในการทำงาน ปัญหาด้านสังคม และปัญหาด้านจิตใจ

ข้อควรปฏิบัติก่อนการทดสอบการได้ยิน

ก่อนการทดสอบการได้ยิน ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการฟังเสียงดังในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนการทดสอบ
  • ไม่ควรล้างหูด้วยน้ำยาหรือก้านสำลีในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนการทดสอบ
  • แจ้งให้แพทย์หรือนักตรวจการได้ยินทราบหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาใดๆ

ข้อควรปฏิบัติหลังการทดสอบการได้ยิน

หลังการทดสอบการได้ยิน ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้

  • หากผลการทดสอบพบว่าผู้ป่วยมีความบกพร่องทางการได้ยิน ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือนักตรวจการได้ยินเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
  • หากผลการทดสอบพบว่าผู้ป่วยไม่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ควรหลีกเลี่ยงการฟังเสียงดัง

Related Posts

ดูแลประคับประคอง

การดูแลแบบประคับประคองสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

0 Comments

การดูแลประคับประคอง (Palliative care) เป็นการดูแลผู้ป่วยที่มุ่งเน้นไปที่การบรรเทาความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยไม่มุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคให้หายขาด การดูแลประคับประคองสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่เริ่มได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็ง และสามารถดำเนินต่อไปควบคู่ไปกับการรักษาหลัก…